รายละเอียด
น้ำมันปลาโอเมก้า-3, Omega-3
กรดไขมันโอเมก้า-3 (Omega-3) ขนาดบรรจุ 200 แคปซูล(Softgels)
ขนาดรับประทาน ครั้งละ 1-2 แคปซูล วันละ 1-2 ครั้ง, พร้อมอาหาร
ผลิตโดย: บริษัท Now Foods, สหรัฐอเมริกา
หมดอายุ: 08/2024
ส่วนประกอบสำคัญใน 1 หน่วยบริโภค( 2 แคปซูล) ประกอบด้วย
- ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (Polyunsaturated Fat) 1,000 มก.
- ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (Monounsaturated Fat) 500 มก.
- น้ำมันปลา (Natural Fish Oil Concentrate) 2,000 มก.
- กรดไอ-โคซาเพนตาอีโนอิก (Eicosapentaenoic Acid, EPA) 360 มก.
- กรดโดโคซาเฮ็กซาอีโนอิก (Docosahexaenoic Acid, DHA) 240 มก.
น้ำมันปลา คือน้ำมันที่สกัดมาจากปลาโดยเฉพาะปลาในเขตหนาว ซึ่งในน้ำปลาจะมีกรดไขมันอยู่หลายชนิด น้ำมันปลาประกอบด้วยประกอบด้วยกรดไขมันโอเมก้า-3(Omega-3) และกรดไขมันโอเมก้า-6(Omega-6)
กรดไขมันโอเมก้า-3 (Omega-3) กรดไขมันโอเมก้า-3 เป็นกรดไขมันที่มีความจำเป็นต่อร่างกายอย่างมาก เนื่องจาก ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นมาเองได้ และต้องได้รับจากสารอาหารเท่านั้น น้ำมันปลามี EPA และ DHA
- EPA กรดไอ-โคซาเพนตาอีโนอิก (Eicosapentaenoic Acid) เป็นกลไกสำคัญที่ให้พลังงานกับเซลล์ในร่างกาย มีคุณสมบัติในการลดไขมันไตรกลีเซอไรด์ ป้องกันการอุดตัดของหลอดเลือด จึงช่วยให้ระบบการไหลเวียนเลือดดีขึ้น ป้องกันการเกาะตัวของเกล็ดเลือดซึ่งเป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดและหัวใจได้ ป้องกันหลอดเลือดในสมองตีบตัน ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ นอกจากนี้ EPA ยังช่วยต่อต้านอาการข้ออักเสบ และลดอาการปวดศรีษะเนื่องจากไมเกรนได้
- DHA กรดโดโคซาเฮ็กซาอีโนอิก (Docosahexaenoic Acid) ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างสำคัญของเยื่อหุ้มเซลล์ จึงเปรียบเสมือนเสาหลักของร่างกาย นอกจากนี้ DHA ยังมีความจำเป็นต่อการพัฒนาสมองและดวงตา DHA ส่วนใหญ่จึงถูกส่งไปที่สมองเพื่อช่วยให้สมองทำงานได้อย่างปกติ เสริมสร้างพัฒนาการทางสมอง การเรียนรู้ ความจำ ตลอดจนระบบสายตา ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
การศึกษาทางคลินิกมากมายพบว่า DHA ช่วยในการพัฒนาสมองการการมองเห็น จึงแนะนำให้คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์และให้นมบุตร ควรได้รับ DHA ขนาด 200-300 มิลลิกรัมต่อวัน (ผู้ผลิตนมผงจึงเพิ่มคุณค่าของผลิตภัณฑ์ด้วยการเสริม DHA ในนมผง)
จากการศึกษาพบว่า ผู้สูงอายุและสมองของผู้ป่วยอัลไซม์เมอร์จะมี EPA และDHA ต่ำ การรับประทานโอเมก้า-3 ที่มี DHA จึงช่วยลดความเสี่ยงของโรคอัลไซเมอร์ มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และต้านการอักเสบ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคอัลไซเมอร์ จึงพบว่าโอเมก้า-3 มีประโยชน์ทั้งต่อสมองและหัวใจ และกรดไขมันโอเมก้า-3 ยังช่วยป้องกันมะเร็งตับอ่อนได้
ประโยชน์ของน้ำมันปลา (Fish Oil)
- บำรุงระบบประสาทและสมอง ช่วยเพิ่มความจำและความสามารถในการเรียนรู้ ป้องกันการเกิดภาวะสมองเสื่อมหรือโรคอัลไซเมอร์ในผู้สูงอายุ
- บำรุงสายตา เพิ่มพัฒนาการในด้านสายตาและสมองของทารก
- ช่วยลดระดับไตรกรีเซอไรด์
- ลดไขมันอุดตัดในเส้นเลือด ลดความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดในกระแสเลือด ช่วยลดความหนืดของเกล็ดเลือด และลดปริมาณสารไฟบรินในเลือด
- ลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Artery Disease | CAD) โรคหลอดเลือดแดงแข็งตัว ลดความเสี่ยงจากการเกิดเส้นเลือดในสมองแตก
- ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจวายเฉียบพลัน
- ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง
- ต่อต้านผลร้ายจากสารโพรสตาแกลนดิน ซึ่งมีส่วนไปลดภูมิต้านทานของโรคและส่งเสริมการเจริญเติบโตของเนื้องอก
- ลดความถี่และความรุนแรงของโรคปวดศีรษะไมเกรน
- บรรเทาอาการอักเสบ ปวด บวมของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
- ลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งเต้านม ป้องกันมะเร็งตับอ่อน
- บำรุงสุขภาพผิว เส้นผม และเล็บให้มีสุขภาพดี
- บรรเทาอาการคันและแห้งของโรคสะเก็ดเงิน
- มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และต้านการอักเสบ
ข้อควรระวัง
- ผู้ที่แพ้อาหารทะเลห้ามรับประทานน้ำมันปลา
- ควรงดน้ำมันปลา 7 วัน ก่อนการผ่าตัด เนื่องจาก น้ำมันปลาทำให้เลือดแข็งตัวช้า
- หญิงตั้งครรภ์ควรงดการรับประทานน้ำมันปลา 1 เดือนก่อนคลอดเพราะจะทำให้เลือดไม่แข็งตัว
- การรับประทานโอเมก้า-3 มากเกินไปในระยะตั้งครรภ์และให้นมบุตร อาจมีผลทำให้เกิดความผิดปกติในการได้ยินของทารกได้
ใช้วัตถุดิบน้ำมันปลาจากประเทศเปรู ผ่านการทดสอบความปลอดภัยจากสารปนเปื้อนต่างๆ เช่น โลหะหนัก, สารปรอท, PCB’s, ไดออกซิน (dioxins) และสารปนเปื้อนอื่นๆ
รีวิว
ยังไม่มีบทวิจารณ์